การซ่อมหน้าจอ Android มีกี่แบบ และ แบบไหนเหมาะกับคุณ

การซ่อมหน้าจอ มีกี่แบบ การซ่อมหน้าจอ Android มีหลายวิธีแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความเสียหายของหน้าจอ โดยทั่วไปแล้ว จะมี 2 วิธีหลักๆ คือ

1.เปลี่ยนจอทั้งชุด
ข้อดี: แก้ไขปัญหาได้อย่างสมบูรณ์ หน้าจอใหม่จะใช้งานได้เหมือนเดิมทุกประการ
เหมาะสำหรับ: หน้าจอแตกเสียหายมาก หรือมีปัญหาที่ซับซ้อนกว่าแค่กระจกแตก
ข้อเสีย: ราคาค่อนข้างสูง เนื่องจากต้องเปลี่ยนทั้งชุด ใช้เวลานานในการซ่อมมากกว่าการซ่อมเฉพาะส่วน
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการหน้าจอ ที่สมบูรณ์แบบ และไม่ต้องการเสี่ยงกับการซ่อมเฉพาะส่วน

2. ซ่อมเฉพาะส่วนที่เสียหาย
ข้อดี: ราคาถูกกว่าการเปลี่ยนจอทั้งชุดใช้เวลาน้อยในการซ่อม สามารถรักษาจอเดิมไว้ได้
ข้อเสีย: อาจมีรอยตำหนิเล็กน้อยหลังซ่อม ไม่สามารถทำได้กับทุกอาการเสียหายเสมอไป
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่มีงบประมาณจำกัด และต้องการซ่อมแซมหน้าจอที่เสียหายไม่มากนัก
ชนิดของความเสียหายและวิธีการซ่อม
- หน้าจอแตก: สามารถเปลี่ยนเฉพาะกระจกหน้าจอได้ หากจอ LCD ยังใช้งานได้ดี
- หน้าจอมีจุดดับ: อาจต้องเปลี่ยนจอ LCD ทั้งหมด หรือซ่อมจุดดับ (หากเป็นไปได้)
- หน้าจอไม่ตอบสนองต่อการสัมผัส: อาจเกิดจากปัญหาที่ทัชสกรีน หรือสายเชื่อมต่อ
- หน้าจอมีเส้นสี: อาจเกิดจากปัญหาที่จอ LCD หรือสายเชื่อมต่อ
ปัจจัยที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกวิธีการซ่อม
- งบประมาณ: การเปลี่ยนจอทั้งชุดจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการซ่อมเฉพาะส่วน
- ความรุนแรงของความเสียหาย: หากหน้าจอเสียหายมาก อาจต้องเปลี่ยนจอทั้งชุด
- ความต้องการใช้งาน: หากคุณต้องการใช้งานโทรศัพท์แบบด่วน การซ่อมเฉพาะส่วนอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
- ร้านซ่อม: เลือกร้านซ่อมที่มีความน่าเชื่อถือและมีประสบการณ์
ปรึกษาเกี่ยวกับผู้เชี่ยวชาญงานซ่อมฟรี
ข้อควรระวัง
- ร้านซ่อม: หลีกเลี่ยงการซ่อมกับร้านที่ไม่น่าเชื่อถือ อาจทำให้โทรศัพท์เสียหายมากขึ้น
- อะไหล่: ควรเลือกใช้อะไหล่ที่มีคุณภาพ เพื่อให้แน่ใจว่าหน้าจอใหม่จะใช้งานได้ยาวนาน
- การรับประกัน: ตรวจสอบเงื่อนไขการรับประกันของร้านซ่อม
สรุป
การเลือกวิธีการซ่อมหน้าจอ Android ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ควรพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและคุ้มค่ากับงบประมาณในการซ่อม